ธัญพืชแคลเซียมสูง

19/07/2022

              หากพูดถึงแหล่งแคลเซียม สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคือน้ำนมวัว เนื่องจากราคาถูก และหาซื้อได้ง่าย แต่จริงๆแคลเซียมยังมีในธัญพืชบางชนิดและมีปริมาณสูงไม่ต่างจากน้ำนมวัว วันนี้เลมอนฟาร์มชวนทานธัญพืชแคลเซียมสูง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้การทานแคลเซียมไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

แคลเซียมสำคัญอย่างไร?

             แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย มีหน้าที่หลักที่คือรักษาให้กระดูกและฟันแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาทอีกด้วย หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ร่างกายจะดึงแคลเซียมที่สะสมอยู่ในกระดูกออกมาใช้ เมื่อเกิดขึ้นเป็นประจำจะทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนและเปราะ ซึ่งโรคกระดูกพรุนมักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่หากร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุของอาการท้องผูกได้

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวัน

              การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ควรทานครั้งละน้อยๆ (ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อมื้อ) หรือแบ่งเป็นมื้อเล็กหลายๆมื้อ จะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีกว่าการทานครั้งละมากๆ ซึ่งปริมาณแคลเซียมที่แนะนำต่อวันของแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกันไป  ดังนี้

  • อายุ 9-18 ปี ต้องการแคลเซียม1,000 มิลลิกรัม/วัน
  • อายุ 19-50 ปี ต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัม/วัน
  • อายุ 51 ปีขึ้นไป ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม/วัน

แนะนำธัญพืชแคลเซียมสูง

- ถั่วเหลือง อุดมไปด้วยแคลเซียมตามธรรมชาติ และสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นมถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง 1 ถ้วยมีแคลเซียมในปริมาณเท่า ๆ กับนมวัว ที่สำคัญการรับประทานนมถั่วเหลืองยังได้วิตามินดีและมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่านมสดที่มีแลคโตสอีกด้วย

- เมล็ดอมารันท์ หรือเมล็ดผักโขมดิบ นอกจากจะมีแคลเซียมสูงแล้ว ยังมีกรดอะมิโนจำเป็น ไลซีนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและเมไธโอนีนช่วยย่อยสลายไขมัน สามารถนำมาคั่วแล้วโรยลงในสลัดหรือซุป บดเป็นแป้งใช้ปรงุอาหาร หรือต้มทำเป็นโจ๊ก

- อัลมอนด์ เป็นแหล่งพลังงานชั้นดี ช่วยบำรุงระบบประสาทและการทำงานของสมอง การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายได้ สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน สามารถทำเป็นนมสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว

- งาดำ แคลเซียมและแมกนีเซียมที่อยู่ในงาดำ มีส่วนสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย วิธีรับประทานสามารถนำไปบดใส่ในน้ำเต้าหู้ ปั่นลงในสมูทตี้ โรยในสลัดหรือซุปเพื่อเพิ่มความหอม หรือน้ำไปทำน้ำสลัด

- งาขี้ม่อน มีโอเมก้า 3 สูง ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและจอประสาทตา และช่วยลดคอเลสเตอรอล งาขี้ม่อนสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันสำหรับทำอาหาร ใช้ทำน้ำสลัด โรยหน้าขนม ผสมกับชาดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยเสริมแต่งรสชาติและหน้าตาของเมนูอาหารต่าง ๆ ให้ดูน่ารับประทาน

- ถั่วดำ อุดมไปด้วยแคลเซียม โปรตีน และไฟเบอร์ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง แถมกากใยยังช่วยในการขับถ่าย และทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น นิยมนำไปทำเป็นขนม ต้มใส่ในซุป หรือบดแล้วทำเป็นเครื่องดื่ม

              แคลเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพของกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบประสาท หลายๆคนมักไม่ให้ความสำคัญในการกินแคลเซียม เนื่องจากจะไม่เกิดความผิดปกติกับร่างกายหากรับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ ร่างกายยังสามารถรักษาระดับแคลเซียมในเลือดไว้ได้โดยอาศัยแคลเซียมจากกระดูก แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้

              นมมักถูกมองว่าเป็นแหล่งแคลเซียมเพียงแหล่งเดียว แต่แคลเซียมยังมีในอาหารจากพืชหลายชนิด ตั้งแต่ธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ชา กาแฟ) และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลต่อการลดการดูดซึมแคลเซียม ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ และทานแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระดูกและร่างกายที่แข็งแรง

ช้อปธัญพืชแคลเซียมสูง